ช่องคลอดมีกลิ่น” นอกจากจะทำสาว ๆ ไม่มั่นใจแล้วยังเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายบางอย่างว่าช่องคลอดของคุณกำลังมีปัญหา ช่องคลอดมีกลิ่นเป็นอีกหนึ่งปัญหา Top 5 ของสาว ๆ เลยก็ว่าได้ โดยอาการช่องคลอดมีกลิ่นมาได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน การทำความสะอาด หรือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นให้กระจ่าง

สาเหตุของ ช่องคลอดมีกลิ่น ที่คุณอาจไม่รู้ ?

  1. อาหาร เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ช่องคลอดของเรามีกลิ่นได้ โดยอาหารที่มักจะทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นจะเป็นอาหารประเภทหมักดอง ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ ผักดองหรือวัตถุดิบที่มีกลิ่นแรงอย่าง สตอ ชะอม สะเดา เป็นต้น หลังจากที่ร่างกายรับอาหารเหล่านั้นมาเรียบร้อยแล้ว ร่างกายจะมีการขับออกทางปัสสาวะซึ่งอยู่บริเวณช่องคลอด เป็นผลให้ช่องคลอดมีกลิ่น นอกจากจะทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นแล้วอาจจะทำให้เกิดเชื้อรา อาการคัน ระคายเคืองอีกด้วย
  2. การทำความสะอาด หรือการรักษาสุขอนามัยของช่องคลอด เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพราะจะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ โดยช่องคลอดมีกลิ่นจากการไม่ทำความสะอาดเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความชื้นที่อาจทำให้เกิดเชื้อรา การใส่เสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น การไม่ทำความสะอาดช่องคลอดหลังปัสสาวะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดเชื้อโรคและกลิ่นสะสมอยู่ในช่องคลอด หากปล่อยปะละเลยอาจจะนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรีย
  3. ติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อช่องคลอดเกิดติดเชื้อแบคทีเรียและเกิดความไม่สมดุลของปริมาณแบคทีเรีย อาจจะทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบแบบแบคทีเรียลวาไจโนลิสได้ ส่งผลทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นไม่พึงระสงค์ เหม็นคาวอย่างรุนแรง
  4. เชื้อราในช่องคลอด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นคาว เชื้อราสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ ความอับชื้นบริเวณช่องคลอด หากพบว่าตัวเองมีเชื้อราในช่องคลอดและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะติดขัด มีเลือดติดมากับปัสสาวะ หรือ อวัยวะเพศอักเสบ ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ

ช่องคลอดมีกลิ่น ควรไปหาหมอหรือไม่ ?

ปกติช่องคลอดของสาว ๆ มักจะมีกลิ่นอยู่แล้วแต่จะเป็นกลิ่นอ่อน ๆ หากพบว่าช่องคลอดของตัวเองมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรงผิดปกติและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บอวัยวะเพศ ปัสสาวะขัด มีเชื้อราในช่องคลอดจำนวนมาก หรือ ปัสสาวะมีเลือดปะปนมาด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจจะเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นโรค HIV โรคหูด หรือ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

จบปัญหา “ช่องคลอดมีกลิ่น” ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรม

  1. รักษาสุขอนามัย ขณะอาบน้ำควรทำความสะอาดช่องคลอดทุกครั้งเพื่อล้างคราบสิ่งสกปรกระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็น คราบปัสสาวะ หรือ เหงื่อ หากใครที่มีปัญหากลิ่นที่แรงมากเกินไปอาจจะใช้น้ำยาทำความสะอาดช่องคลอดที่มีค่า Hp เหมาะสมกับผิวบริเวณช่องคลอด
  2. เลือกกินอาหาร ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกกินอาหารกลิ่นไม่แรง รสชาติไม่จัดจ้าน นอกจากจะส่งผลให้ช่องคลอดไม่มีกลิ่นแล้วยังช่วยให้ระบบในร่างกายส่วนอื่น ๆ ดีตามไปอีกด้วย
  3. ป้องกันเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ขณะมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันด้วยการใส่ถุงยางเสมอ นอกจากจะเป็นการคุมกำเนิดยังเป็นการป้องกันเชื้อโรคสามารถติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็น โรค HIV โรคหูด หรือโรคซิฟิลิสซึ่งจะทำให้ช่องคลอดเกิดการเปลี่ยนแปลง มีกลิ่นเหม็นคาวที่รุนแรง เกิดอาการเจ็บปวดและนำไปสู่อาการร้ายแรงอื่น ๆ ได้
  4. เลือกชุดชั้นในที่เหมาะสม ควรเลือกชุดชั้นในที่มีเนื้อผ้านุ่ม ไม่บาดผิว เช่น ผ้าฝ้าย มีการระบายอากาศได้ดี ทำให้ช่องคลอดรู้สึกผ่อนคลายเพราะการเลือกชุดชั้นในที่มีเนื้อผ้าหยาบและไม่ระบายอากาศจะทำให้เกิดการสะสมความชื้นในบริเวณช่องคลอด นำไปสู่เชื้อราในช่องคลอดได้

แม้ว่าปัญหาช่องคลอดมีกลิ่นจะเป็นเรื่องปกติที่สาว ๆ ต้องเจอ แต่ควรสังเกตตัวเองเพิ่มเติมว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่เพราะอาจจะนำไปสู่โรคร้ายหรือการติดเชื้อแบคทีเรียได้ ควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมก่อนที่อาการจะลุกลามจนสายเกินไป